เว็บโฮสติ้งคืออะไร
สวัสดีครับ เพื่อนๆคิดว่าเว็บไซต์ทั้งหมดที่อาศัยอยู่บนอินเทอร์เน็ตมีอะไรเหมือนกัน ดูเหมือนจะถามง่ายแต่ตอบยาก ขอเฉลยเลยนะครับ เว็บไซต์ทั้งหมดอยู่บนเซิพเวอร์ (Servers) ของเว็บโฮสติ้ง (web hosting) ไม่ว่าจะเป็นข่าวฟีด บล็อก หรือแพลตฟอร์มการช็อปปิ้งทุกเว็บไซต์ต้องมีที่อยู่ นั่นคือสิ่งที่เราเรียกว่าโฮสต์ (hosting) สมมุติว่าถ้าผมต้องการเริ่มต้นเว็บไซต์หรือบล็อกผมต้องต้องมีสิ่งนี้เหมือนกัน
เว็บไซต์ทั้งหมดที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตมีอะไรเหมือนกัน
เว็บโฮสติ้งคืออะไร (ฉบับย่อยง่าย)
เว็บโฮสติ้งเป็นบริการที่ช่วยให้เราได้มีเว็บไซต์ (Website) หรือหน้าเว็บออนไลน์ (online Website) บนอินเทอร์เน็ต (internet) เช่นเดียวกับที่เราต้องการอยู่ที่ไหนสักแห่งเพื่อให้เว็บไซต์ของเราออนไลน์อยู่ตลอดเวลา ไฟล์ที่สร้างขึ้นในเว็บไซต์ของเราจะถูกเก็บไว้ที่ตำแหน่งเสมือนนี้บนเว็บเซิร์ฟเวอร์ (Web Servers)
ผู้ให้บริการโฮสติ้ง (hosting provider) เป็นองค์กรที่จัดหาเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับการสร้างโฮสต์ให้เว็บไซต์ของเรา พวกเขาเปรียบเสมือนคนสร้างบ้านในโลกแห่งความเป็นจริง โฮสต์เว็บเหล่านี้มีเซิร์ฟเวอร์ที่พร้อมบริการในการนำเสนอเว็บไซต์ของเราไปยังผู้ใช้ของเรา หรือจะกล่าวสั้นๆเซิร์ฟเวอร์ (server) ก็คือคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการเว็บเพจ ทำหน้าที่เป็นคลังข้อมูลที่เชื่อมต่อกับเบราว์เซอร์ (browser)
ถ้าเพื่อนๆคิดว่ามันยากไป ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ เพราะบริษัทที่ให้บริการเว็บโฮสติ้งเหล่านี้ จะพยายามจัดการด้านเทคนิคในการทำให้เว็บไซต์ของเรา ทำงานยากๆหรือซับซ้อนแทนเรา สิ่งสำคัญในขั้นตอนนี้คือการทำความเข้าใจว่าเหตุใดเราต้องมีผู้ให้บริการโฮสติ้งก็พอ
เว็บโฮสติ้งทำงานอย่างไร
ความหมายในทางปฎิบัติตอนผู้ใช้งานทั่วไปใส่ URL หรือ ชื่อเว็บไซต์ของเราบนเว็บเบราเซอร์ เพื่อที่จะไปยังเว็บไซต์ที่ต้องการ ในเบื้องหลังแล้วเว็บไซต์ของเราจะถูกส่งไปยังเว็บเบราเซอร์ (Web browser) ของผู้ใช้งาน (user) โดยเว็บเซิพเวอร์ (Web Server)
IP Addresses and Domain Names คืออะไร
เว็บเซิพเวอร์มาพร้อมกับไอพีแอดเดรส (IP Address) ชุดตัวเลขที่ทำหน้าที่ระบุตัวตนของคอมพิวเตอร์ บนโลกอินเทอร์เน็ตประกอบด้วยเครือข่ายขนาดยักษ์ที่เชื่อมต่อกันผ่านสายเคเบิ้ลและไร้สายเปรียบเช่นเดียวกับสายโยงใยของแมงมุม
ยกตัวอย่างหน้าตาของ IP Address: 88.324.88.1
คุณจำตัวเลขนี้ได้ไหม บางทีอาจจะจำได้แหละครับ แต่ถ้าต้องจำหลายเว็บไซต์มากๆเข้าเราอาจจะสับสนและจำไม่ได้ นั่นจึงเป็นที่มาของ domain name (โดเมนเนม) หรือชื่อเว็บไซต์ IP Adress ถูกแปลง เป็นคำที่จดจำได้ง่ายหลักการทำงานเหมือนชื่อถนนและหมายเลขของสถานที่ คุณจึงต้องการชื่อโดเมนและโฮสติ้งหากคุณต้องการใช้งานเว็บไซต์
โดเมนเนมถูกนำมาใช้แทน IP Address เพื่อช่วยให้มนุษย์จดจำเว็บไซต์ได้ง่าย
การซื้อชื่อโดเมนโดยปกติจะให้สิทธิ์แก่ชื่อดังกล่าวเป็นเวลาหนึ่งปีซึ่งคุณสามารถต่ออายุใบอนุญาตได้ คุณสามารถซื้อชื่อโดเมนและโฮสติ้งได้จากผู้ให้บริการรายเดียวกัน
วิธีนี้ช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการจับคู่ชื่อโดเมนกับ บริษัทที่ให้บริการพื้นที่ของคุณ การจัดการและต่ออายุบริการทั้งสองอย่างจะง่ายกว่าถ้าคุณซื้อจากที่เดียวกัน (domain+hosting)
แต่คุณสามารถซื้อชื่อโดเมนของคุณแยกต่างหากจากนายทะเบียนเช่น GoDaddy เป็นต้น ชื่อโดเมนและโฮสติ้งเป็น 2 บริการที่แยกกัน อย่างไรก็ตามบริการทั้ง 2 ส่วนนี้ ทำงานร่วมกันเพื่อทำให้เว็บไซต์เกิดขึ้น
Domain Names Servers (DNS) ทำหน้าที่เป็นไดเรกทอรีของ IP Address ที่เบราเซอร์จะใช้เมื่อต้องการระบุโดเมนที่ผู้ใช้พยายามเข้าชม ดังนั้น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเข้าสู่ shifthigh.com คุณมีการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกต้องและรับชมเว็บไซต์ที่คุณต้องการ
โดเมนเนมกับการเปลี่ยนผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง
เมื่อเรามีชื่อโดเมนที่เราต้องการแล้วเราก็ไม่อยากเสียมันไปใช่ไหมครับ เพราะชื่อโดเมนมั้นก็เปรียบเสมือนชื่อแบรนด์ของเรา เฉกเช่นเดียวกับชื่อแบรนด์เนมต่างๆ ที่ทำให้ผู้คนรู้จักเว็บไซต์หรือสินค้าของเรา
คำถาม
แล้วถ้าเราเปลี่ยนผู้ให้บริการเว็บโฮสติงหล่ะ ชื่อโดเมนเราจะหายไปหรือเปล่า?
คำตอบ การย้ายผู้ให้บริการพื้นที่ (web hosting) ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสูญเสียชื่อเว็บไซต์ของคุณ ด้วยชื่อโดเมนที่จดทะเบียนแล้วคุณมักจะมีสิทธิ์ในการถ่ายโอนชื่อตามที่คุณต้องการ คุณเพียงแค่ต้องโอนไฟล์และข้อมูลของเว็บไซต์ของคุณแล้วแก้ไขการตั้งค่าโดเมนของคุณและนำไปใช้กับผู้ให้บริการพื้นที่ใหม่ของคุณครับ
เปรียบชื่อโดเมนของคุณเช่นเดียวกับหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ คุณสามารถย้ายผู้ให้บริการเครือข่าย แต่ยังคงเก็บหมายเลขไว้ ในทำนองเดียวกันคุณสามารถย้ายผู้ให้บริการโฮสต์ แต่เก็บชื่อโดเมนของคุณ
[maxbutton id=”1″ ]